Plus Codes: ทางเลือกใหม่ในการเก็บพิกัดอย่างมีประสิทธิภาพ

ในยุคที่ระบบซอฟต์แวร์หลายประเภทต้องอ้างอิง พิกัดทางภูมิศาสตร์ (Geolocation) — เช่น ระบบเดลิเวอรี การจัดการโลจิสติกส์ หรือแม้แต่ฐานข้อมูลลูกค้า — นักพัฒนามักเก็บข้อมูลในรูปแบบ ละติจูด (Latitude) และ ลองจิจูด (Longitude) ซึ่งแม่นยำแต่ไม่เป็นมิตรต่อมนุษย์และกินพื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่าที่คิด 💾

แต่รู้หรือไม่ว่า มีทางเลือกใหม่ที่ทั้ง กะทัดรัด อ่านง่าย และเข้ากันได้กับระบบทั่วโลก นั่นคือ Plus Codes (หรือ Open Location Code) จาก Google 🗺️

🔍 Plus Codes คืออะไร?

Plus Codes คือ ระบบรหัสตำแหน่งแบบเปิด (Open Location Code) ที่ถูกพัฒนาโดย Google เพื่อแทนพิกัดละติจูด–ลองจิจูดด้วย “สตริงสั้น ๆ” ที่อ่านง่ายและแชร์ง่าย

ตัวอย่างเช่น:

13.7563, 100.5018  →  7P52+6M Bangkok, Thailand

รหัส 7P52+6M คือ Plus Code ซึ่งแทนที่พิกัด GPS ได้โดยไม่ต้องใช้ชื่อถนนหรือรหัสไปรษณีย์ใด ๆ

Plus Codes by Google

⚙️ หลักการทำงาน (How Plus Codes Work)

Plus Codes ใช้แนวคิดการแบ่งโลกออกเป็น กริดสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก คล้ายระบบ geohash

  • พื้นที่แต่ละช่องจะถูกเข้ารหัสเป็นตัวอักษร A–Z และตัวเลข 2–9
  • เมื่อรวมกันจะได้รหัสพิกัดเฉพาะ เช่น 7P52+6M
  • ความยาวของรหัสจะบ่งบอกระดับความละเอียด เช่น
    • 6 ตัวอักษร = พื้นที่กว้างประมาณ 100 กม.
    • 10 ตัวอักษร = พื้นที่แค่ ~14 เมตร

รหัสเหล่านี้เป็น Open Source (Apache 2.0 License) และสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องพึ่ง Google Maps API

🔗 Repo: https://github.com/google/open-location-code

🧮 ข้อดีของการใช้ Plus Codes สำหรับการจัดเก็บข้อมูล (Data Storage Advantages)

1. 🗜️ ลดขนาดข้อมูลในฐานข้อมูล

พิกัดปกติใช้ตัวเลขทศนิยมสองชุด เช่น

Latitude: 13.756330, Longitude: 100.501781  → รวม 25–30 ตัวอักษร

ในขณะที่ Plus Code ใช้เพียง 8–10 ตัวอักษร เช่น 7P52+6M → ลดขนาดข้อมูลได้ถึง ~60% ต่อ record

ในระบบที่ต้องเก็บข้อมูลพิกัดหลายล้านจุด (เช่น Fleet Management หรือ IoT sensors)
นี่คือ การประหยัดพื้นที่และ Bandwidth ที่ชัดเจน

2. 🧩 อ่านง่ายและแชร์ง่าย

แทนที่จะต้องคัดลอกค่าทศนิยมยาว ๆ คุณสามารถใช้รหัสที่สั้นและพิมพ์ง่ายได้ เช่น

7P52+6M, Bangkok

ซึ่งเหมาะกับการแสดงผลใน UI, QR Code หรือการสื่อสารผ่านข้อความ

3. 🌍 ใช้งานได้ทุกที่ในโลก โดยไม่ต้องพึ่งชื่อถนน

Plus Codes ไม่อิงกับระบบไปรษณีย์หรือการตั้งชื่อถนน
ทำให้สามารถระบุตำแหน่งในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มี Address ได้อย่างแม่นยำ เช่น

  • จุดรับสินค้าในท่าเรือ
  • พื้นที่ก่อสร้าง
  • พิกัดอุปกรณ์ IoT กลางทะเล

4. 🔒 ปลอดภัยกว่าการแชร์พิกัดจริงบางกรณี

เพราะ Plus Code มีความละเอียดหลายระดับ (สามารถตัดให้หยาบลงได้)
เช่น จาก 7P52+6M7P52+6 (ระบุพื้นที่ใหญ่ขึ้น)
คุณจึงสามารถ “ลดความละเอียด” เพื่อปกปิดตำแหน่งจริงได้ในบาง use case

🧰 ตัวอย่างการใช้งานจริง (Practical Use Cases)

  • Database Geolocation Mapping
    ใช้ Plus Code เป็น primary key หรือ field ใน NoSQL/SQL เพื่ออ้างอิงตำแหน่ง
user_id | name       | plus_code
--------|-------------|-----------
101     | John Smith  | 7P52+6M
102     | Jane Doe    | 7P53+8Q
  • Logistics & Delivery App
    ใช้ Plus Codes ในระบบ Delivery/Dispatch แทนพิกัด GPS
    ลดการพิมพ์ผิดและทำให้ผู้ใช้กรอกที่อยู่ได้ง่ายขึ้น
  • IoT / Drone Mapping
    ใช้รหัสแทนพิกัดเซนเซอร์นับล้านในระบบ telemetry

🧭 เริ่มต้นใช้งาน Plus Codes

Google มี Library ให้ใช้งานฟรีในหลายภาษา เช่น

ตัวอย่าง Python:

from openlocationcode import openlocationcode as olc

code = olc.encode(13.7563, 100.5018)
print(code)  # 7P52+6M

lat, lng = olc.decode('7P52+6M')
print(lat, lng)

🚀 สรุป

“Plus Codes คืออนาคตของการระบุตำแหน่งที่เรียบง่าย ขนาดเล็ก และไร้พรมแดน” 🌍

หากคุณเป็นนักพัฒนาที่ต้องการ:

  • ลดขนาดฐานข้อมูล
  • ปรับปรุง UX ของระบบแผนที่
  • รองรับข้อมูลพิกัดทั่วโลกแบบไม่ต้องพึ่ง API ภายนอก

ลองเริ่มต้นด้วย Open Location Code (Plus Codes) — ระบบเปิดที่ทั้งเบา, ฟรี, และแม่นยำ