จับเทรนด์ยอดนิยมด้วย Google Trends

รูปปก Google Trend

บทนำ: ทำไมการเข้าใจเทรนด์ Keyword ถึงสำคัญสำหรับเว็บไซต์ของคุณ?

ในโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเข้าใจว่าผู้คนกำลังค้นหาอะไร กำลังสนใจเรื่องอะไร และคำเหล่านั้นมีแนวโน้มอย่างไร เป็นหัวใจสำคัญของการทำ SEO (Search Engine Optimization) และกลยุทธ์การตลาดเนื้อหา (Content Marketing) ที่ประสบความสำเร็จ การรู้ว่า Keyword ใดกำลังเป็นที่นิยม จะช่วยให้คุณสร้างเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ดึงดูด Organic Traffic 🚀 และเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนผู้ชมให้เป็นลูกค้าได้

เครื่องมือหนึ่งที่ทรงพลังและฟรีจาก Google ที่จะช่วยให้คุณจับสัญญาณเทรนด์เหล่านี้ได้คือ Google Trends บทความนี้จะเจาะลึกวิธีการใช้ Google Trends เพื่อค้นหา Keyword ที่กำลังมาแรง วิเคราะห์แนวโน้ม และนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับใช้กับกลยุทธ์ SEO และ Content ของคุณ ✨

Table of Contents


Google Trends คือเครื่องมือฟรีของ Google ที่ช่วยให้คุณสามารถสำรวจความสนใจในการค้นหา (Search Interest) ของหัวข้อหรือ Keyword ต่างๆ ทั่วโลกได้แบบเรียลไทม์ และย้อนหลังไปหลายปี ข้อมูลเหล่านี้แสดงเป็น “ความสนใจตามสัดส่วน” (Relative Popularity) ไม่ใช่ปริมาณการค้นหาที่แท้จริง โดยจะแสดงค่าตั้งแต่ 0-100 ซึ่ง 100 คือจุดสูงสุดของความนิยมใน Keyword นั้นๆ ในช่วงเวลาที่เลือก

หน้าเริ่มต้น Google Trends
  • ระบุเทรนด์ใหม่ๆ: ค้นพบหัวข้อหรือ Keyword ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ⚡
  • เปรียบเทียบ Keyword: เปรียบเทียบความนิยมของ Keyword หลายๆ คำ เพื่อหาคำที่เหมาะสมที่สุด ⚖️
  • วางแผน Content Calendar: ใช้ข้อมูลเทรนด์เพื่อวางแผนสร้างเนื้อหาล่วงหน้าให้ตรงกับช่วงเวลาที่ความสนใจสูงสุด 🗓️
  • ปรับปรุงกลยุทธ์ SEO: ค้นหา Keyword ที่มีศักยภาพในการดึง Traffic 🎯
  • ทำ Local SEO: วิเคราะห์ความสนใจตามภูมิภาคและเมืองต่างๆ 📍
  • วิเคราะห์คู่แข่ง: ดูว่า Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคู่แข่งมีแนวโน้มอย่างไร 👀

การใช้ Google Trends ไม่ใช่แค่การพิมพ์ Keyword แล้วดูตัวเลข แต่ต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างชาญฉลาด นี่คือขั้นตอนที่คุณควรทำ:

  • เข้าสู่เว็บไซต์: ไปที่ trends.google.com 🌐
  • ป้อน Keyword: ในช่อง “Enter a search term or a topic” ให้ป้อน Keyword ที่คุณสนใจ (เช่น “รถยนต์ไฟฟ้า”, “อาหารเสริม”, “เทรนด์แฟชั่น 2025”) ⌨️
หน้าสำรวจ keyword ของ Google Trends

ขั้นตอนที่ 2: ปรับแต่งตัวกรองเพื่อวิเคราะห์เชิงลึก

หลังจากป้อน Keyword แล้ว คุณจะเห็นกราฟแสดงแนวโน้มความสนใจ แต่สิ่งสำคัญคือการปรับแต่งตัวกรองเหล่านี้:

  • ภูมิภาค (Region): เลือกประเทศหรือภูมิภาคที่กลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่ เช่น “ประเทศไทย”, “ทั่วโลก”, หรือระบุจังหวัด/เมืองที่เฉพาะเจาะจง 🗺️
  • ช่วงเวลา (Time Period):
    • “Past 90 days”, “Past 12 months”: สำหรับการวิเคราะห์เทรนด์ระยะสั้นถึงปานกลาง 📆
    • “Past 5 years”, “2004-present”: สำหรับการวิเคราะห์เทรนด์ระยะยาวและแนวโน้มตามฤดูกาล 🗓️
    • “Realtime searches”: สำหรับการดูเทรนด์ที่เกิดขึ้นในไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา (เหมาะสำหรับข่าวสาร) ⏱️
  • หมวดหมู่ (Category): เลือกหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องกับ Keyword ของคุณ เช่น “Shopping”, “Food & Drink”, “Health” เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำยิ่งขึ้น 🛒🍎💊
  • ประเภทการค้นหา (Web Search): เลือกประเภทการค้นหาที่คุณสนใจ เช่น “Web Search” (ค้นหาทั่วไป), “Image Search”, “News Search”, “Google Shopping”, “Youtube” 🌐🖼️📰🛍️▶️
ตัวกรองของ Google Trends

ขั้นตอนที่ 3: เปรียบเทียบ Keyword เพื่อหาคำที่เหมาะสมที่สุด

  • เพิ่ม Keyword เปรียบเทียบ: ในช่อง “Add comparison” ให้เพิ่ม Keyword ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ที่คุณอาจใช้ (เช่น “รถยนต์ไฟฟ้า” vs “EV”, “เสื้อผ้าแฟชั่น” vs “แฟชั่นเกาหลี”) 🆚
  • วิเคราะห์กราฟ: ดูว่า Keyword ไหนมีแนวโน้มความสนใจสูงกว่า หรือมีช่วงเวลาที่ได้รับความสนใจสูงสุดแตกต่างกันอย่างไร
    • แนวโน้มขึ้น (Upward Trend): Keyword ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แสดงถึงความสนใจที่กำลังเติบโต 🚀
    • แนวโน้มลง (Downward Trend): Keyword ที่ได้รับความนิยมน้อยลง ควรหลีกเลี่ยงหรือปรับกลยุทธ์ 📉
    • แนวโน้มตามฤดูกาล (Seasonal Trend): Keyword ที่ได้รับความนิยมในช่วงเวลาหนึ่งของปี (เช่น “ของขวัญปีใหม่” ในช่วงปลายปี) 🎁🎄
เปรียบเทียบ keyword ใน Google Trends

ขั้นตอนที่ 4: สำรวจหัวข้อและคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง

เลื่อนลงมาด้านล่างของหน้าผลลัพธ์ คุณจะพบกับส่วนสำคัญ 2 ส่วน:

  • ความสนใจตามรัฐ/จังหวัด: แสดงแผนที่พร้อมระดับสีเข้มจางตามระดับความสนใจตามแต่ละจังหวัด สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ลิงค์นี้
  • คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง (Related Queries): แสดง Keyword ที่ผู้คนมักจะค้นหาพร้อมกับ Keyword หลักของคุณ นี่คือขุมทรัพย์ของ Long-tail Keywords ที่มีศักยภาพในการดึง Traffic
    • มาแรง (Rising): Keyword ที่ความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (อาจเป็นโอกาสในการสร้างเนื้อหาก่อนคู่แข่ง) ⬆️
    • ยอดนิยม (Top): Keyword ที่ได้รับความสนใจสูงสุด 🥇
คำค้นหายอดนิยมใน Google Trends

นอกจากการวิเคราะห์ตาม keyword ที่เราระบุแล้ว เราสามารถดูสิ่งที่คนกำลังสนใจอยู่ตอนนี้ได้ ด้วยการขั้นตอนดังนี้

  • เข้าสู่เว็บไซต์: ไปที่ trends.google.com 🌐
  • กดเมนู “กำลังมาแรง” ด้านบนของเว็บ ⌨️

ขั้นตอนที่ 2: ปรับแต่งตัวกรองตามที่ต้องการ

ปรับแต่งตัวกรองเหล่านี้:

  • ภูมิภาค (Region): เลือกประเทศหรือภูมิภาคที่กลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่ เช่น “ประเทศไทย”, “ทั่วโลก”, หรือระบุจังหวัด/เมืองที่เฉพาะเจาะจง 🗺️
  • ช่วงเวลา (Time Period):
    • 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา
    • 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
    • 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา
    • 7 วันที่ผ่านมา
  • หมวดหมู่ (Category): เลือกหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องกับ Keyword ของคุณ เช่น “Shopping”, “Food & Drink”, “Health” เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำยิ่งขึ้น 🛒🍎💊
  • สถานะของเทรนด์:
    • แสดงเทรนด์ที่ยังอยู่เท่านั้น
  • จัดเรียงตาม
    • ชื่อ
    • ปริมาณค้นหา
    • ความใหม่
    • ความเกี่ยวข้อง: เทรนด์สำคัญและล่าสุด

ขั้นตอนที่ 3: ดูรายละเอียดของแต่ละหัวข้อ

กดดูรายละเอียดของแต่ละหัวข้อ เพื่อดูว่ามี keyword อะไรที่เกี่ยวข้อง และมีเว็บไหนกำลังทำข่าวนี้อยู่ เพื่อวิเคราะห์และนำไปวางแผนต่อไป

เมื่อคุณได้ข้อมูลเชิงลึกจาก Google Trends แล้ว นำมาปรับใช้ดังนี้:

  1. วางแผน Content Calendar:
    • ระบุเทรนด์ตามฤดูกาล (Seasonal Trends) เพื่อวางแผนสร้างเนื้อหาก่อนช่วงเวลาที่ความสนใจจะพุ่งสูงสุด (เช่น สร้างเนื้อหาเกี่ยวกับ “ของขวัญวาเลนไทน์” ก่อนเดือนกุมภาพันธ์) 💘
    • สร้างเนื้อหาเกี่ยวกับเทรนด์ที่กำลังมาแรง (Rising Queries/Topics) เพื่อเป็นผู้บุกเบิกและดึง Traffic ได้อย่างรวดเร็ว 🚀
  2. ปรับปรุง Keyword Research:
    • ใช้ Related Queries ที่มีแนวโน้ม “Rising” เพื่อค้นหา Long-tail Keywords ที่มีคู่แข่งน้อยแต่มีศักยภาพ 💎
    • นำ Keyword ที่ได้ไปตรวจสอบปริมาณการค้นหาที่แท้จริงและความยากในการแข่งขันด้วยเครื่องมือ Keyword Research อื่นๆ 📊 เช่น
  3. สร้างเนื้อหาที่สดใหม่และตรงใจ:
    • เขียนบทความ, สร้างวิดีโอ, หรืออินโฟกราฟิกเกี่ยวกับหัวข้อที่ผู้คนกำลังสนใจจริงๆ 📝
    • ปรับปรุงเนื้อหาเก่าให้ทันสมัย โดยใช้ Keyword หรือหัวข้อที่เกี่ยวข้องที่กำลังเป็นที่นิยม 🔄
  4. ปรับปรุงกลยุทธ์โฆษณา:
    • ใช้ข้อมูลเทรนด์เพื่อกำหนด Keyword สำหรับแคมเปญ Google Ads หรือ Social Media Ads ให้ตรงกับช่วงเวลาที่ความต้องการสูงสุด 💰
  5. วิเคราะห์ Local SEO:
    • หากธุรกิจของคุณมีกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ ลองใช้ Google Trends เพื่อดูความสนใจของ Keyword ในแต่ละเมืองหรือจังหวัด เพื่อปรับเนื้อหาและแคมเปญให้เข้ากับท้องถิ่น 🏘️

  • ข้อมูลความสนใจสัมพัทธ์ (Relative Popularity): Google Trends แสดง “ความสนใจ” ไม่ใช่ “ปริมาณการค้นหา” ที่แท้จริง (Search Volume) คุณจึงควรใช้ร่วมกับเครื่องมือ Keyword Research อื่นๆ เพื่อประเมินปริมาณการค้นหา 🔢
  • Keyword ที่มีปริมาณการค้นหาน้อยมากอาจไม่แสดงผล: หาก Keyword ของคุณมีปริมาณการค้นหาน้อยเกินไป Google Trends อาจแสดงข้อมูลไม่เพียงพอ 🤷‍♀️
ข้อมูลไม่เพียงพอที่จะแสดง

Google Trends เป็นเครื่องมือที่ทรงคุณค่าและจำเป็นสำหรับทุกคนที่ต้องการสร้างหรือปรับปรุงกลยุทธ์ SEO และ Content Marketing ของตัวเอง การเข้าใจว่าผู้คนกำลังค้นหาอะไร และแนวโน้มความสนใจเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จะช่วยให้คุณสามารถสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง, ทันสมัย, และดึงดูด Traffic ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เริ่มต้นใช้ Google Trends วันนี้ เพื่อเปิดเผยโอกาสใหม่ๆ ในการเติบโตของเว็บไซต์ของคุณ อย่าปล่อยให้เทรนด์ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะทุกเทรนด์คือโอกาส! 🚀✨