ยกระดับความปลอดภัย WordPress ของคุณด้วย 2FA จาก Wordfence

ตั้งค่า 2FA ให้กับเว็บไซต์ WordPress ของคุณด้วย Wordfence

ในโลกดิจิทัลที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว เว็บไซต์ WordPress ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจออนไลน์ ผู้ประกอบการ และบล็อกเกอร์นับล้านทั่วโลก แต่ท่ามกลางความสะดวกสบายและโอกาสที่แพลตฟอร์มนี้มอบให้ ภัยคุกคามทางไซเบอร์ ก็ทวีความรุนแรงและซับซ้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง การถูกโจมตีไม่เพียงสร้างความเสียหายทางการเงิน แต่ยังทำลายความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของธุรกิจได้อย่างร้ายแรง การพึ่งพิงเพียงแค่รหัสผ่านที่เดายากอาจไม่เพียงพออีกต่อไปแล้วในยุคที่แฮกเกอร์มีเครื่องมือและเทคนิคที่ล้ำสมัย

นี่คือเหตุผลว่าทำไม Two-Factor Authentication (2FA) หรือการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน จึงไม่ใช่แค่ตัวเลือกเสริม แต่เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการเสริมความแข็งแกร่งให้ระบบความปลอดภัยของเว็บไซต์ WordPress ของคุณ ด้วย 2FA แม้ว่าผู้ไม่หวังดีจะสามารถล่วงรู้รหัสผ่านของคุณได้ พวกเขาก็ยังไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้ หากไม่มี “กุญแจดอกที่สอง” ซึ่งมักจะเป็นรหัสที่สร้างขึ้นบนอุปกรณ์ส่วนตัวของคุณ เช่น สมาร์ทโฟน

บทความนี้จะนำคุณไปสู่ขั้นตอนการตั้งค่า 2FA บน WordPress อย่างละเอียดและง่ายดาย โดยใช้ปลั๊กอินด้านความปลอดภัยระดับโลกอย่าง Wordfence Security ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่าล้านเว็บไซต์ทั่วโลก พร้อมแล้วหรือยังที่จะยกระดับการป้องกันเว็บไซต์ของคุณให้ปลอดภัยยิ่งกว่าที่เคย? มาเริ่มกันเลย!

ทำไมต้อง 2FA?

มารู้จัก 2FA กันก่อน

เพื่ออธิบายให้เห็นภาพง่ายๆ ลองจินตนาการว่าการเข้าสู่ระบบเว็บไซต์ของคุณเหมือนกับการเปิดประตูบ้าน รหัสผ่าน (Password) คือ “กุญแจดอกแรก” 🔑 ที่ทุกคนรู้จักและอาจมีคนพยายามเดาหรือขโมยไปได้ง่ายๆ แต่เมื่อคุณเปิดใช้งาน 2FA คุณกำลังเพิ่ม “กุญแจดอกที่สอง” 🗝️ ซึ่งเป็นกุญแจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และถูกเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น นั่นก็คือ สมาร์ทโฟนของคุณเอง

เมื่อคุณพยายามล็อกอินเข้าสู่ระบบ WordPress หลังจากใส่ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเรียบร้อยแล้ว ระบบจะขอให้คุณป้อน รหัส 2FA 6 หลัก ที่สร้างขึ้นใหม่ทุกๆ 30-60 วินาทีจากแอปพลิเคชัน Authenticator บนมือถือของคุณ การมีกุญแจสองดอกนี้ทำให้:

  • การเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตแทบเป็นไปไม่ได้: แม้รหัสผ่านของคุณจะถูกเปิดเผย แฮกเกอร์ก็ไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้หากไม่มีรหัส 2FA จากมือถือของคุณ
  • เพิ่มความสบายใจ: คุณจะมั่นใจได้ว่าเว็บไซต์ของคุณได้รับการปกป้องจากความพยายามในการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ยึดตามมาตรฐานความปลอดภัยสากล: การใช้ 2FA เป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best Practice) ที่องค์กรและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทั่วโลกแนะนำ

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเริ่มต้น

ก่อนที่เราจะดำดิ่งลงไปในขั้นตอนการตั้งค่า คุณจะต้องมีสิ่งเหล่านี้เสียก่อน:

สิ่งที่ต้องมีก่อนตั้งค่า 2FA
  1. เว็บไซต์ WordPress ที่ติดตั้งและเปิดใช้งาน Wordfence Security Plugin: หากเว็บไซต์ของคุณยังไม่มีปลั๊กอินนี้ คุณสามารถดาวน์โหลดและติดตั้ง Wordfence Security (เวอร์ชันฟรี) ได้โดยตรงจาก WordPress Plugin Directory ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่มาพร้อมกับฟังก์ชัน 2FA พื้นฐานที่เพียงพอต่อการใช้งาน
    • หากยังไม่ได้ติดตั้ง สามารถดูขั้นตอนการติดตั้ง plugin บน WordPress ได้ที่ บทความนี้
  2. แอปพลิเคชัน Authenticator บนสมาร์ทโฟนของคุณ: แอปพลิเคชันเหล่านี้จะทำหน้าที่สร้างรหัส 2FA แบบ Time-based One-Time Password (TOTP) ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แนะนำให้ใช้:
    • Google Authenticator: ใช้งานง่ายและได้รับความนิยมสูง (ดาวน์โหลดได้ทั้ง iOS และ Android)
    • Microsoft Authenticator: เช่นเดียวกันกับ Google Authenticator แต่เป็นของ Microsoft (ดาวน์โหลดได้ทั้ง iOS และ Android)
    • FreeOTP Authenticator: iOS และ Android
    • Authy: มีฟังก์ชันการสำรองข้อมูลในคลาวด์ ทำให้สะดวกหากเปลี่ยนอุปกรณ์ (ดาวน์โหลดได้ทั้ง iOS และ Android)

ขั้นตอนการตั้งค่า 2FA ด้วย Wordfence (ภาพประกอบทีละขั้นตอน)

เราจะมาดูขั้นตอนกันทีละขั้น เพื่อให้คุณสามารถทำตามได้อย่างง่ายดาย

ขั้นตอนที่ 1: ไปที่หน้า Login Security ของ Wordfence

  • เมื่อ Wordfence ติดตั้งและเปิดใช้งานแล้ว ที่เมนูด้านซ้ายมือใน WordPress Dashboard คุณจะเห็นเมนู Wordfence
  • คลิกที่ Wordfence > Login Security
หน้า Login Security ของ WordFence

ขั้นตอนที่ 2: เปิดใช้งาน 2FA สำหรับบัญชีผู้ใช้ของคุณ

  • บนหน้า Login Security คุณจะเห็นแท็บ Two-Factor Authentication คลิกที่แท็บนี้
  • คุณจะพบกับส่วนสำหรับตั้งค่า 2FA ซึ่งจะแสดง QR Code และ Manual Entry Key
  • เปิดแอป Authenticator บนสมาร์ทโฟนของคุณ:
    • ในแอป ให้เลือก “เพิ่มบัญชีใหม่” (มักจะเป็นสัญลักษณ์ + หรือ “Scan a QR code”)
    • ใช้กล้องในแอปสแกน QR Code ที่แสดงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณ
    • หากสแกนไม่ได้ สามารถเลือก “ป้อนคีย์การตั้งค่า” (Enter a setup key) และพิมพ์ Manual Entry Key ที่ Wordfence ให้มาแทนได้
  • เมื่อแอป Authenticator สแกน/ป้อนข้อมูลสำเร็จ จะปรากฏรหัส 6 หลักที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา (ทุก 30-60 วินาที) สำหรับบัญชี WordPress ของคุณ

ขั้นตอนที่ 3: ยืนยันและเปิดใช้งาน 2FA

  • นำรหัส 6 หลักที่แสดงในแอป Authenticator ของคุณ มาป้อนลงในช่อง Verification Code บนหน้า Wordfence Login Security (ใต้ QR Code)
  • คลิกปุ่ม Activate

ขั้นตอนที่ 4: ดาวน์โหลดรหัสกู้คืน (Recovery Codes) และจัดเก็บอย่างปลอดภัย

  • หลังจากคลิก Activate ระบบจะแจ้งให้คุณดาวน์โหลด Recovery Codes (รหัสกู้คืน) ซึ่งเป็นรหัสสำรองที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวในกรณีที่คุณเข้าถึงแอป Authenticator ไม่ได้ (เช่น มือถือหาย, แบตหมด)
  • สำคัญมาก! คลิก Download เพื่อบันทึกรหัสเหล่านี้ และเก็บไว้ในที่ปลอดภัยที่สามารถเข้าถึงได้เมื่อฉุกเฉิน (เช่น พิมพ์ใส่กระดาษและเก็บไว้ในตู้เซฟ, เก็บใน Password Manager ที่เข้ารหัสอย่างดี) ห้ามเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกันกับเว็บไซต์!

ขั้นตอนที่ 5: ทดสอบการทำงานของ 2FA

  • ออกจากระบบ WordPress Dashboard ของคุณ (Log Out)
  • ลองล็อกอินเข้าสู่ระบบอีกครั้งตามปกติ
  • หลังจากป้อน Username และ Password แล้ว ระบบจะขอให้คุณป้อน 2FA Code
  • เปิดแอป Authenticator ของคุณ และนำรหัส 6 หลักล่าสุดมาป้อน
  • หากทุกอย่างถูกต้อง คุณจะสามารถล็อกอินเข้าสู่ระบบได้สำเร็จ!

วีดีโอสอนขั้นตอนการตั้งค่า 2FA ด้วย Wordfence

หรือหากเพื่อนๆไม่แน่ใจในการทำตามขั้นตอน สามารถดูเป็นวีดีโอได้ ด้านล่างนี้นะครับ

สรุป

การตั้งค่า Two-Factor Authentication (2FA) บนเว็บไซต์ WordPress ด้วยปลั๊กอิน Wordfence Security เป็นขั้นตอนที่ง่ายดายและใช้เวลาไม่นาน แต่มีผลมหาศาลในการยกระดับความปลอดภัยของเว็บไซต์คุณ มันคือการเพิ่มชั้นป้องกันที่สำคัญ ที่จะช่วยปกป้องข้อมูลอันมีค่าและชื่อเสียงของธุรกิจคุณจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่นับวันยิ่งซับซ้อนขึ้น

อย่ารอช้า! ปกป้องเว็บไซต์ WordPress ของคุณให้ปลอดภัยยิ่งขึ้นตั้งแต่วันนี้ และใช้งานออนไลน์ได้อย่างมั่นใจไร้กังวล

หมายเหตุ

โปรดทราบ: คำแนะนำและขั้นตอนการตั้งค่า Two-Factor Authentication (2FA) ที่ระบุในบทความนี้ อ้างอิงจากเวอร์ชันปัจจุบันของ WordPress และปลั๊กอิน Wordfence Security ในขณะที่บทความนี้ถูกเขียนขึ้น (ณ วันที่ 3 มิถุนายน 2568)

การอัปเดตเวอร์ชันของ WordPress, ปลั๊กอิน Wordfence หรือแม้แต่แอปพลิเคชัน Authenticator บนสมาร์ทโฟนของคุณ อาจทำให้หน้าตาอินเทอร์เฟซหรือขั้นตอนการตั้งค่าบางส่วนมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หากคุณพบความแตกต่างในการตั้งค่า แนะนำให้ตรวจสอบเอกสารประกอบ (Documentation) อย่างเป็นทางการของ WordPress และ Wordfence Security ในเวอร์ชันที่คุณใช้งานอยู่เพื่อข้อมูลที่แม่นยำที่สุด